Abstract:
วัตถุประสงค์การวิจัยเพื่อเปรียบเทียบประสิทธิผลของการทาซีรั่มอัลฟ่าอาร์บูติน 2% ร่วมกับไมโครนีดเดิ้ล เทียบกับการทาซีรั่มวิตามินซี 2% ร่วมกับไมโครนีดเดิ้ลในการรักษาฝ้า กลุ่มตัวอย่างคืออาสาสมัครที่มีปัญหาฝ้าบนใบหน้า อายุ 30–55 ปี จำนวน 16 คน โดยศึกษาแบบแบ่งครึ่งหน้า ประเมินผลใช้เกณฑ์ split-face modified Melasma Area and Severity Index (mMASI), ค่าเฉลี่ยเมลานินอินเด็กซ์ จากเครื่อง Mexameter® MX18®, ค่า brown spot และ UV spot จากเครื่องถ่ายภาพ VISIA®, ความพึงพอใจของอาสาสมัคร และผลข้างเคียงที่ 0, 3, 6, 9 และ 12 สัปดาห์ พบว่า ค่าเฉลี่ย modified, melasma severity index (mMASI) ของทั้งสองกลุ่มมีค่าลดลงอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติทั้งสองกลุ่ม (p <0.001) โดยทั้งสองกลุ่มไม่มีความแตกต่างกัน (p > 0.05) นอกจากนี้ ค่าเฉลี่ย melanin index, brown spot, UV spot และคะแนนความพึงพอใจของ
สองกลุ่มไม่แตกต่างกัน ผลข้างเคียง ได้แก่ อาการแสบ ผิวแห้ง และผิวแดงอักเสบ สรุปว่า การทาซีรั่มอัลฟ่าอาร์บูติน 2% ร่วมกับวิธีการไมโครนีดเดิ้ล และการทาซีรั่มวิตามินซี 2% ร่วมกับวิธีการไมโครนีดเดิ้ลได้ผลดีในการรักษาฝ้า โดยค่า mMASI และ ค่า melanin index ลดลงอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ
ที่ 12 สัปดาห์ทั้งสองกลุ่ม การรักษาด้วยการทาซีรั่มอัลฟ่าอาร์บูติน 2% ร่วมกับวิธีการไมโครนีดเดิ้ล และการทาซีรั่มวิตามินซี 2% ร่วมกับวิธีการไมโครนีดเดิ้ล จึงเป็นทางเลือกในการรักษาฝ้าได้
Description:
วิทยานิพนธ์ (วท.ม.) -- สาขาวิชาตจวิทยา, สำนักวิชาเวชศาสตร์ชะลอวัยและฟื้นฟูสุขภาพ. มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง, 2567