Abstract:
วิทยานิพนธ์ฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาแนวคิดและทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันและแก้ไขปัญหามลพิษทางเสียงข้ามพรมแดน ตลอดจนศึกษานโยบายและหลักเกณฑ์ที่มีอยู่ในปัจจุบันซึ่งเกี่ยวข้องกับการจัดการปัญหาดังกล่าว ทั้งในระดับภูมิภาค ทวิภาคี และระดับประเทศ โดยเน้น
การวิเคราะห์กรณีศึกษาพื้นที่ชายแดนบริเวณอำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย ประเทศไทย และเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ เมืองต้นผึ้ง แขวงบ่อแก้ว สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว อันเป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากกิจกรรมที่ก่อให้เกิดมลพิษทางเสียงในระดับรุนแรงและต่อเนื่อง
จากการศึกษาพบว่า การส่งเสริมและพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษในภูมิภาคอาเซียนมีเป้าหมายเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและขยายโอกาสทางเศรษฐกิจของประชาชนในพื้นที่ชายแดน อย่างไรก็ตาม พื้นที่ชายแดนดังกล่าวกลับประสบปัญหาด้านมลพิษทางเสียงจากกิจกรรมเชิงพาณิชย์ที่ไม่ได้รับการควบคุมอย่างเพียงพอ โดยเฉพาะในเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ ซึ่งรัฐบาล สปป.ลาว ได้ให้สัมปทานแก่นักลงทุนชาวจีนในการพัฒนาพื้นที่ระยะยาว ส่งผลให้เกิดการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานและสถานบันเทิงจำนวนมาก เช่น ย่านไชน่าทาวน์ ลานกิจกรรม คาสิโน ตลาดนัด และศูนย์การค้าขนาดใหญ่ อันเป็นแหล่งกำเนิดเสียงที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพกายและจิตใจของประชาชนในฝั่งไทย โดยเฉพาะในเขตอำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย ซึ่งได้รับเสียงรบกวน
อย่างต่อเนื่องโดยไม่มีมาตรการแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม
ด้วยเหตุนี้ ผู้วิจัยจึงเสนอแนวทางและมาตรการระดับระหว่างประเทศในการแก้ไขและป้องกันปัญหาดังกล่าว ประกอบด้วย (1) การผลักดันให้สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) จัดทำกรอบความร่วมมือด้านมลพิษทางเสียงข้ามแดนโดยเฉพาะ และ (2) การจัดทำข้อตกลงทวิภาคีระหว่างประเทศไทยกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวเพื่อกำหนดแนวทางการควบคุม กำกับ และแก้ไขปัญหามลพิษทางเสียงข้ามพรมแดนอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน โดยอาศัยกลไกการแจ้งเตือนล่วงหน้า การตรวจวัดระดับเสียง การมีส่วนร่วมของภาคประชาชน และการสร้างความร่วมมือในระดับท้องถิ่นและระดับรัฐ บนพื้นฐานของหลักกฎหมายสิ่งแวดล้อมระหว่างประเทศ