Abstract:
งานวิจัยนี้มุ่งศึกษาและวิเคราะห์การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในกระบวนการยุติธรรมทางอาญาเกี่ยวกับการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนในประเทศไทย โดยเน้นพฤติกรรมการ “ละเลย” หรือ “เพิกเฉย” ต่อสิทธิของบุคคลที่เกี่ยวข้องในกระบวนการยุติธรรม ซึ่งส่งผลกระทบต่อความเป็นธรรมและประสิทธิภาพของกระบวนการดังกล่าว งานวิจัยนี้ใช้ระเบียบวิธีวิจัยเชิงคุณภาพ ผ่านการศึกษาวรรณกรรม เปรียบเทียบกับหลักกฎหมายสากลของประเทศอังกฤษ สหรัฐอเมริกา เยอรมนี และฝรั่งเศส ตลอดจนสัมภาษณ์เชิงลึกและการประชุมกลุ่มย่อยกับผู้เชี่ยวชาญในกระบวนการยุติธรรม รวมถึงการสัมมนารับฟังความคิดเห็นจากผู้เกี่ยวข้อง
ผลการศึกษาพบว่า ปัจจัยที่ส่งผลต่อการละเลยสิทธิมนุษยชนในกระบวนการยุติธรรมทางอาญา ได้แก่ (1) ทัศนคติของเจ้าหน้าที่ที่มีอคติล่วงหน้า (2) แนวปฏิบัติที่ปฏิบัติกันมาโดยมิได้แก้ไขปรับปรุง (3) ข้อจำกัดของกฎหมายและระเบียบที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการคุ้มครองสิทธิของประชาชน (4) การขาดความตระหนักของเจ้าหน้าที่ต่อสิทธิของผู้เกี่ยวข้องในคดีอาญา และ (5) การขาดแคลนทรัพยากรรวมทั้งการใช้เทคโนโลยีที่จำกัด
จากการวิเคราะห์สภาพปัญหาและแนวปฏิบัติในแต่ละขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรม ได้แก่ ชั้นตำรวจ ชั้นพนักงานอัยการ และชั้นศาล พบว่ามีจุดอ่อนสำคัญ เช่น การเรียกผู้ต้องหามาเป็นพยานก่อนแจ้งข้อกล่าวหา การสอบสวนที่กระทบความเป็นส่วนตัว การสอบปากคำโดยไม่คำนึงถึงสภาพของผู้เสียหายและพยาน การขอฝากขังโดยไม่คำนึงถึงสิทธิของผู้ต้องหา และการดำเนินคดีที่ล่าช้าโดยไม่จำเป็น งานวิจัยนี้เสนอแนวทางแก้ไขปัญหา ได้แก่ การปรับปรุงระเบียบปฏิบัติให้สะท้อนเจตนารมณ์ของสิทธิมนุษยชน การพัฒนากลไกกำกับดูแล การเพิ่มการใช้เทคโนโลยีเพื่อความโปร่งใส และการให้ความรู้แก่เจ้าหน้าที่และประชาชน
ข้อเสนอแนะของงานวิจัยมุ่งเน้นการปรับปรุงแนวปฏิบัติในกรอบของกฎหมายปัจจุบัน โดยไม่จำเป็นต้องแก้ไขกฎหมายชั้นพระราชบัญญัติขึ้นไป ทั้งนี้เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่สามารถนำไปใช้ได้จริงในระยะเวลาอันใกล้ และเสริมสร้างระบบยุติธรรมทางอาญาของไทยให้มีความสอดคล้องกับหลักสิทธิมนุษยชนในระดับสากล