ประสิทธิผลของการเสริมกรดไขมันชนิดโอเมกา 3 และโอเมกา 6 ในการรักษาภาวะผมบางจากฮอร์โมนเพศชาย : การศึกษาเบื้องต้น

Abstract

ภาวะผมบางจากฮอร์โมนเพศชาย เป็นภาวะที่เส้นผมบริเวณที่ไวต่อแอนโดรเจนมีขนาดเล็กลง โดยเอนไซม์ 5-α reductase มีบทบาทสำคัญในการทำให้เส้นผมมีขนาดเล็ก และหลุดร่วง Finasteride เป็นยาที่นิยมใช้ในการรักษาภาวะผมบางจากฮอร์โมนเพศชาย ซึ่งมีฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์ 5-α reductase แต่มีราคาแพงและมีผลข้างเคียง จากการศึกษาที่ผ่านมาในห้องทดลอง พบว่ากรดไขมันชนิดโอเมกา 3 เช่น Docohexaenoic acid (DHA) และโอเมกา 6 เช่น Gamma linoleic acid (GLA) สามารถยับยั้งเอนไซม์ 5-α reductase ได้ อย่างไรก็ตามยังไม่มีการศึกษาผลของกรดไขมันชนิดโอเมกา 3 และโอเมกา 6 ในการ รักษาผู้ที่มีภาวะผมบางจากฮอร์โมนเพศชาย วัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาประสิทธิผลของน้ำมันปลาและน้ำมันโบราจ ซึ่งเป็นแหล่งของกรด ไขมันชนิดโอเมกา 3 และโอเมกา 6 ต่อขนาด ความหนาแน่นของเส้นผมทั้งหมดและความหนาแน่น ของเส้นผมที่ไม่ใช่ระยะวิลลัสในผู้ที่มีภาวะผมบางจากฮอร์โมนเพศชาย วิธีการศึกษา ผู้ป่วยชายที่ได้รับการคัดเลือกทั้งหมด 15 คน อายุระหว่าง 22-43 ปี มีภาวะผม บางระดับ II-IV ทุกคนได้รับประทานน้ำมันปลาวันละ 2000 มก. (ประกอบด้วย DHA และ EPA 1200 มก.) และน้ำมันโบราจวันละ 2000 มก. (ประกอบด้วย GLA 480 มก.) เป็นระยะเวลา 4 เดือน ประเมินขนาด ความหนาแน่นของเส้นผมทั้งหมด และความหนาแน่นของเส้นผมที่ไม่ใช่ระยะ วิลลัสด้วยกล้องกำลัง ขยายที่ 0, 2, 4 เดือน ประเมินภาพถ่ายโดยรวมโดยแพทย์ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องกับ งานวิจัย และให้ผู้ป่วยประเมินความพึงพอใจโดยรวมของผลการรักษาด้วย 10-cm visual analogue scale ผลการศึกษา ผู้ป่วยมีขนาดเส้นผมเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 16.86 μm (p<0.01) และมีความหนาแน่น ของเส้นผมทั้งหมดเพิ่มขึ้น 11.72 เส้น/25 ตร.มม. (p<0.01) ความหนาแน่นของเส้นผมที่ไม่ใช่ระยะ วิลลัสเพิ่มขึ้นจาก 33.82 เป็น 51.11 เส้น/25 ตร.มม. (p<0.01) คะแนนความพึงพอใจโดยรวมของ ผู้ป่วยมีค่าเท่ากับ 6.6/10 คะแนน การประเมินของแพทย์จากภาพถ่ายโดยรวมพบว่า ผู้ป่วยส่วนใหญ่ มีการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น คิดเป็นร้อยละ 66.67 พบว่าผู้ป่วย 3 รายมีอาการคลื่นไส้ ซึ่งเป็นอาการ ข้างเคียงเดียวที่พบในการศึกษาครั้งนี้ สรุปผล การรับประทานกรดไขมันชนิดโอเมกา 3 และโอเมกา 6 เสริม สามารถเพิ่มขนาด ความหนาแน่นของเส้นผม และความหนาแน่นของเส้นผมที่ไม่ใช่ระยะวิลลัส ในผู้ที่มีภาวะผมบาง จากฮอร์โมนเพศชายได้ อย่างไรก็ตามการศึกษานี้ถือเป็นการศึกษาครั้งแรกที่แสดงให้เห็นถึง ประสิทธิผลทางคลินิกของกรดไขมันชนิดโอเมกา 3 และโอเมกา 6 ในการรักษาภาวะผมบางจาก ฮอร์โมนเพศชาย ดังนั้นจึงต้องการการศึกษาเพิ่มเติมต่อไปเพื่อยืนยันผลการทดลองครั้งนี้ โดยควรมี การศึกษาที่มีจำนวนตัวอย่างเพิ่มขึ้นและมีกลุ่มควบคุมร่วมด้วย