Abstract:
วิทยานิพนธ์ฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาถึงมาตรการทางกฎหมายเกี่ยวกับการรักษา
ความปลอดภัยการบินพลเรือน โดยศึกษากรณีการยึดและปิดล้อมท่าอากาศยานระหว่างประเทศ ที่
เคยเกิดขึ้นกับประเทศไทย รวมทั้งวิเคราะห์หาแนวทางในการแก้ไขปัญหา ตลอดจนหาแนวทางใน
การป้องกัน มิให้เกิดการยึดและปิดล้อมท่าอากาศยานระหว่างประเทศได้อย่างเหมาะสม
ผลจากการศึกษาพบว่า นอกเหนือจากภาคผนวกทั้ง 18 ภาคผนวก แห่งอนุสัญญาชิคาโก
ค.ศ. 1944 แล้ว ยังมีความตกลงระหว่างประเทศที่เป็นมาตรการป้องปรามการกระทาอันมิชอบด้วย
กฎหมายต่อความปลอดภัยของการบินพลเรือน อีก 4 ฉบับ คือ (1) อนุสัญญาโตเกียว ค.ศ. 1963
(2) อนุสัญญาเฮก ค.ศ. 1970 (3) อนุสัญญามอนตริออล ค.ศ. 1971 และ (4) พิธีสารมอนตริออล ค.ศ.
1988 ซึ่งในส่วนของประเทศไทยนั้น มาตรการทางกฎหมายที่เป็นมาตรการป้องปรามการกระทา
อันมิชอบด้วยกฎหมายต่อความปลอดภัยของการบินพลเรือน ส่วนมากเกิดจากการอนุวัติตาม
ความตกลงระหว่างประเทศที่ไทยได้เข้าร่วมเป็นภาคีหรือให้สัตยาบันเป็นหลัก ทั้งนี้ จากการศึกษา
ความตกลงระหว่างประเทศ และกฎหมายภายในประเทศที่เกี่ยวข้องแล้ว พบว่า ในปัจจุบันไม่มี
กฎหมายฉบับใดที่กล่าวถึงการห้ามยึดและปิดล้อมท่าอากาศยานไว้เป็นการเฉพาะ สาหรับในส่วนของการบุกยึดและปิดล้อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และท่าอากาศยาน
ดอนเมืองของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ในปี พ.ศ. 2551 จนเป็นเหตุให้ท่าอากาศยาน
หลักของประเทศไทยต้องมีสภาพเสมือนถูกปิดตายเป็นระยะเวลากว่าหนึ่งสัปดาห์ ส่งผลกระทบ
และสร้างความเสียหายในด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมเป็นอันมาก เหตุการณ์ดังกล่าว ยังนับว่า
เป็นครั้งแรกของโลกที่ประชาชนปิดล้อมท่าอากาศยาน แต่ไม่ใช่เป็นการก่อการร้าย แต่อาจถือเสมือน
เป็นการชุมนุมประท้วงในที่สาธารณะ อีกทั้งยังพบว่าในประเทศไทยมิได้มีการตรากฎหมายว่าด้วย
การชุมนุมสาธารณะออกใช้บังคับแต่อย่างใด จึงทาให้เจ้าหน้าที่ตารวจต้องนากฎหมายอื่นที่ไม่ได้มี
วัตถุประสงค์ และมาตรการที่ถูกกาหนดขึ้นเพื่อใช้ดาเนินการกับการชุมนุมสาธารณะโดยเฉพาะมา
บังคับใช้โดยอนุโลม เช่น ประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ. 2499 พระราชกาหนดการบริหารราชการ
ในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 เป็นต้น
จากการศึกษาพบว่า ในประเทศต่าง ๆ ที่มีระบอบประชาธิปไตย การใช้สิทธิและเสรีภาพ
ย่อมมีขอบเขตจากัดเสมอ ไม่มีสิทธิและเสรีภาพใดที่ไม่มีขอบเขตจากัดเลย ซึ่ง ปัจจุบันหลาย
ประเทศเห็นว่าการชุมนุมสาธารณะเป็นเพียงการใช้สิทธิในระบอบประชาธิปไตย และการชุมนุม
สาธารณะต้องเป็นการชุมนุมโดยสงบเท่านั้นจึงจะได้รับความคุ้มครอง ทั้งนี้ เพื่อให้การชุมนุม
สาธารณะนั้นก่อให้เกิดผลกระทบน้อยที่สุดต่อประชาชนที่มิได้เข้าร่วมกับการชุมนุมหรือมิได้เห็นด้วย
กับการชุมนุม แต่ในส่วนของประเทศไทย การชุมนุมของประชาชนชาวไทยจะได้รับการรับรอง
โดยรัฐธรรมนูญตั้งแต่ปี พ.ศ. 2489 แต่เสรีภาพประการนี้เป็นเสรีภาพที่อาจถูกจากัดได้ หากเพื่อ
คุ้มครองความสะดวกของประชาชนหรือเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย ดังที่ปรากฏในมาตรา 29
ประกอบกับมาตรา 32 มาตรา 34 และมาตรา 63 แห่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550
แต่ก็ไม่อาจเป็นมาตรการเพียงพอที่จะป้องกันการชุมนุมสาธารณะที่นาไปสู่การบุกยึดหรือปิดล้อม
ท่าอากาศยานได้ ดังนั้น เพื่อให้มีการจัดเตรียมการป้องกัน และให้อานาจเจ้าหน้าที่ในการดาเนินการควบคุมสถานการณ์ที่อาจนาไปสู่การปิดล้อม และการให้บริการของท่าอากาศยานอย่างมีประสิทธิภาพ โดยที่ไม่ต้องอาศัยอานาจตามพระราชกาหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548ผู้เขียนจึงมีข้อเสนอแนะให้มีการตรากฎหมายว่าด้วยการชุมนุมสาธารณะขึ้น เพื่อใช้เป็นมาตรการทางกฎหมายในการรักษาความปลอดภัยในการบินพลเรือน มิให้เกิดเหตุการณ์บุกยึดและปิดล้อม
ท่าอากาศยานระหว่างประเทศ ดังเช่นที่ผ่านมา