Abstract:
วิทยานิพนธ์ฉบับนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อศึกษาแนวคิดและที่มาที่เกี่ยวข้องกับการกำจัดมิให้รับมรดกและศึกษาเปรียบเทียบเหตุกำจัดมิให้รับมรดกเนื่องจากการไม่อุปการะเลี้ยงดูในต่างประเทศและเพื่อศึกษาแนวทางในการแก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับการกำจัดมิให้รับมรดกเนื่องจากไม่อุปการะเลี้ยงดูมาปรับใช้ในกฎหมายของไทย โดยศึกษาวิเคราะห์ถึงหลักการ ทฤษฎี กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการกำจัด มิให้รับมรดกเนื่องจากการไม่อุปการะเลี้ยงดู ได้แก่ สาธารณรัฐประชาชนจีน ประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศสาธารณรัฐเกาหลี เพื่อนำมาเปรียบเทียบหลักเกณฑ์ของการกำจัดมิให้รับมรดกของประเทศไทย
เมื่อพิจารณาเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การกำจัดมิให้รับมรดกของประเทศไทยซึ่งพฤติกรรมของทายาทที่กระทำต่อเจ้ามรดกหรือทายาทคนอื่นเป็นเหตุให้ทายาทคนนั้นถูกกำจัดมิให้รับมรดกฐานเป็นผู้ไม่สมควร ตามมาตรา 1606 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ซึ่งเป็นหลักเกณฑ์ที่ให้การคุ้มครองแก่เจ้ามรดกเพื่อลงโทษทายาทที่ประพฤติไม่สมควรต่อเจ้ามรดก จากประเด็นปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบันเกี่ยวกับกรณีที่ทายาทละเลยไม่อุปการะเลี้ยงดูเจ้ามรดกหรือละทิ้งเจ้ามรดกอย่างร้ายแรงหรือปัญหาความรุนแรงในครอบครัวจะถือเป็นพฤติกรรมที่ไม่สมควรต่อเจ้ามรดกหรือไม่ หากนำหลักเกณฑ์ตามมาตรา 1606 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาปรับใช้จะเห็นได้ว่าการละเลยหน้าที่ในการอุปการะเลี้ยงดูและการละทิ้งเจ้ามรดกอย่างร้ายแรงนั้นไม่เข้าหลักเกณฑ์การกำจัดมิให้รับมรดกฐานเป็นผู้ไม่สมควร ตามมาตรา 1606 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
ผู้เขียนจึงขอเสนอแนวทางในการแก้ไขปรับปรุงกฎหมายเกี่ยวกับการกำจัดมิให้รับมรดกในมาตรา 1606 ดังต่อไปนี้ “มาตรา 1606/1 บุคคลที่กระทำการดังต่อไปนี้ต้องถูกกำจัดมิให้รับมรดกฐานเป็นผู้ไม่อุปการะเลี้ยงดู
(1) ผู้สืบสันดานละเลยหน้าที่ในการอุปการะเลี้ยงดูเจ้ามรดกและเจ้ามรดกไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้เป็นระยะเวลา 1 ปีขึ้นไป ผู้จัดการมรดกหรือทายาทต้องยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อร้องขอให้กำจัดมิให้รับมรดกของบุคคลนั้น
(2) บิดาหรือมารดาทอดทิ้งเด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะและขาดการติดต่อกับเด็กเป็นระยะเวลา 1 ปีขึ้นไป ในกรณีนี้ ผู้จัดการมรดกหรือทายาทต้องยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อร้องขอให้กำจัดมิให้รับมรดกของบุคคลนั้น
(3) คู่สมรสที่จงใจทอดทิ้งหรือปฏิเสธที่จะปฏิบัติหน้าที่ในการอุปการะเลี้ยงดูคู่สมรสอีกฝ่ายหนึ่งที่ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้เป็นระยะเวลา 1 ปีขึ้นไป