Please use this identifier to cite or link to this item:
http://mfuir.mfu.ac.th:80/xmlui/handle/123456789/715
Title: | การพัฒนาสารสกัดไมโครกรีนหัวไชเท้าเพื่อประยุกต์ทางเครื่องสำอาง |
Other Titles: | Development of white radish microgreen extracts for cosmetic applications |
Authors: | จุฑาทิพย์ รงคะเดชไพบูลย์ |
metadata.dc.contributor.advisor: | ปัญญวัฒณ์ ปินตาทอง |
Keywords: | ไมโครกรีน;การสกัด;หัวไชเท้า;ฟีนอลิก;ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ |
Issue Date: | 2567 |
Publisher: | มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง. ศูนย์บรรณสารและสื่อการศึกษา |
Abstract: | การเพิ่มคุณค่าและฤทธิ์ทางชีวภาพด้วยเทคโนโลยีไมโครกรีนหรือต้นอ่อนพืช กำลังได้รับความนิยมในอุตสาหกรรมอาหาร เครื่องสำอาง สุขภาพ และการเกษตร ดังนั้นงานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินผลของระยะเวลาการเจริญเติบโตของต้นอ่อนหัวไชเท้าต่อการเปลี่ยนแปลงสารประกอบฟีนอลิกรวม ฟลาโวนอยด์รวม และฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ เพื่อหาแนวทางการใช้ประโยชน์ในทางเครื่องสำอาง ทำการเพาะเมล็ดหัวไชเท้าในช่วงอายุ 0, 3, 5, 7 และ 9 วัน จากนั้นนำไปสกัดด้วยตัวทำละลาย 3 ชนิด ได้แก่ น้ำ เอทานอล และอะซิโตน จากนั้นทำการประเมินปริมาณสารประกอบฟีนอลิกรวมและฟลาโวนอยด์รวมในการสกัดด้วยวิธี Folin Ciocalteu และ aluminum chloride ตามลำดับ วิเคราะห์ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระด้วยวิธีกวาดจับอนุมูลอิสระ DPPH และความสามารถในการรีดิวซ์สารประกอบเชิงซ้อนของเหล็ก จากการศึกษาพบว่า การเจริญเติบโตของต้นอ่อนหัวไชเท้าส่งผลให้ความสูงและปริมาณน้ำในพืชเพิ่มขึ้น ในขณะที่ปริมาณของแข็งในพืชกลับมีแนวโน้มลดลงอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<0.05) สารสกัดที่สกัดจากอะซิโตน และเอทานอล มีกลิ่นฉุนและสีเข้มชัดเจนกว่าน้ำ โดยเฉพาะในต้นอ่อนที่มีอายุการงอกเพิ่มขึ้น ผลการเตรียมสารสกัดจาก หัวไชเท้าพบว่า ระยะเวลาของต้นอ่อนและตัวทำละลายส่งผลต่อร้อยละผลได้ของสารสกัด ปริมาณสารประกอบฟีนอลิกและฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<0.05) สารสกัดน้ำ และ เอทานอล มีปริมาณสารประกอบฟีนอลิกรวมที่สามารถแสดงฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระในปริมาณที่สูง ในขณะที่สารสกัดอะซิโตนมีปริมาณ และฤทธิ์ในระดับที่ต่ำ ทั้งนี้สารสกัดน้ำและเอทานอล มีแนวโน้มให้ปริมาณสารประกอบฟีนอลิกรวมสูงสุด โดยเฉพาะในช่วงระยะต้นอ่อนอายุ 5 และ 7 วัน โดยพบว่าช่วงระยะต้นอ่อน 5 วัน ที่สกัดด้วยเอทานอล มีปริมาณสารประกอบฟีนอลิกรวมสูงสุด ซึ่งมีค่าเท่ากับ 50.32 ± 4.13 มก.สมมูลกรดแกลลิกต่อสารสกัด 1 กรัม นอกจากนี้ตรวจพบปริมาณฟลาโวนอยด์รวมมากที่สุดในสารสกัดเอทานอล โดยเฉพาะในช่วงระยะต้นอ่อนอายุ 7 และ 9 วัน ซึ่งมีค่าเท่ากับ 96.01 ± 3.91 และ 95.60 ± 1.22 มก.สมมูลของเคอร์ซิทินต่อสารสกัด 1 กรัม ตามลำดับ ยิ่งไปกว่านั้นพบว่า ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ DPPH มีค่าสูงในสารสกัดน้ำและเอทานอล โดยค่าสูงสุดตรวจพบในระยะต้นอ่อน อายุ 5 วัน ที่สกัดด้วยเอทานอล รองลงมาคือระยะต้นอ่อนอายุ 7 วัน ที่สกัดจากน้ำ ซึ่งมีค่าเท่ากับ 31.79 และ 26.44 มก.สมมูลโทรลอกซ์ต่อสารสกัด 1 กรัม ตามลำดับ ทั้งนี้สารสกัดน้ำแสดงฤทธิ์ ต้านอนุมูลอิสระ FRAP ที่สูงในช่วงระยะต้นอ่อนตั้งแต่อายุ 3-9 วัน โดยไม่พบความแตกต่างกันทางสถิติ ในขณะที่สารสกัดเอทานอล ในระยะต้นอ่อนอายุ 5 วันแสดงฤทธิ์สูงสุด โดยมีค่าเท่ากับ 102.72 ± 1.64 มก.สมมูลโทรลอกซ์ต่อสารสกัด 1 กรัม การทดสอสหสัมพันธ์ระหว่างปริมาณสารฟีนอลิกทั้งหมดกับฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระมีความสัมพันธ์เชิงบวกในระดับสูง (r = 0.860 สำหรับ DPPH และ r = 0.856 สำหรับ FRAP) อย่างไรก็ตามควรมีการศึกษาสารองค์ประกอบอื่นที่สำคัญ และฤทธิ์ทางชีวภาพอื่น ๆ เพื่อหาแนวทางการใช้ประโยชน์ในทางเครื่องสำอางต่อไป |
Description: | การค้นคว้าอิสระ (วท.ม.) -- สาขาวิชาวิทยาศาสตร์เครื่องสำอาง, สำนักวิชาวิทยาศาสตร์เครื่องสำอาง. มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง, 2567 |
URI: | http://mfuir.mfu.ac.th:80/xmlui/handle/123456789/715 |
Appears in Collections: | การค้นคว้าอิสระ (Independent Study) |
Files in This Item:
File | Description | Size | Format | |
---|---|---|---|---|
139770-Fulltext.pdf | Fulltext | 5.03 MB | Adobe PDF | View/Open |
139770-Abstract.pdf | Abstract | 1.75 MB | Adobe PDF | View/Open |
Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.