Please use this identifier to cite or link to this item: http://mfuir.mfu.ac.th:80/xmlui/handle/123456789/729
Full metadata record
DC FieldValueLanguage
dc.contributor.authorศวิตา จรวงษ์en_US
dc.date.accessioned2025-07-07T04:06:41Z-
dc.date.available2025-07-07T04:06:41Z-
dc.date.issued2567-
dc.identifier.urihttp://mfuir.mfu.ac.th:80/xmlui/handle/123456789/729-
dc.descriptionการค้นคว้าอิสระ (วท.ม.) -- สาขาวิชาวิทยาศาสตร์เครื่องสำอาง, สำนักวิชาวิทยาศาสตร์เครื่องสำอาง. มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง, 2567en_US
dc.description.abstractกากกาแฟเป็นส่วนที่เหลือทิ้งมากที่สุดในอุตสาหกรรมการผลิตกาแฟกระป๋อง และธุรกิจร้านกาแฟที่เกิดขึ้นอย่างแพร่หลาย ซึ่งในปัจจุบันมีการนำกากกาแฟมาใช้ประโยชน์โดยพัฒนาทั้งรูปแบบและวิธีการใช้ประโยชน์เพื่อเพิ่มมูลค่าของกาก กาแฟที่เหลือทิ้งเหล่านี้ให้ได้มากที่สุด มีการศึกษาที่แสดงให้เห็นว่ากากกาแฟมีสารสำคัญจำนวนหลากหลายกลุ่มที่เป็นประโยชน์ในการดูแลผิวพรรณ และมีศักยภาพในการใช้ในทางเครื่องสำอาง โดยงานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาเปรียบเทียบปริมาณสารสำคัญและฤทธิ์ต้านออกซิเดชั่น ระหว่างสารสกัดกาแฟ และกากกาแฟ สายพันธุ์อาราบิก้า และสายพันธุ์โรบัสต้า โดยนำผงกาแฟที่ไม่ผ่านการชง และการผ่านชงด้วยเทคนิคการดริป มาอบแห้ง แล้วสกัดด้วยการแช่หมักกับสารละลาย 95% เอธานอล ก่อนนำไประเหยตัวทำละลายออกจนได้สารสกัดหยาบ จากการวิเคราะห์หาปริมาณสารประกอบฟีนอกลิกรวม พบว่าสารสกัดจากกาแฟสายพันธุ์อาราบิก้า มีปริมาณสารประกอบฟีนอลิกรวมสูงสุดคือ 1.20 ± 0.04 ไมโครกรัมของกรดแกลลิกสมมูลย์ (กส) ต่อสารสกัด 1 มิลลิตร ซึ่งไม่แตกต่างกันกับสารสกัดกากกาแฟสายพันธุ์อาราบิก้า (1.05 ± 0.07 มคก. กส/มล.) และ สารสกัดกาแฟสายพันธุ์โรบัสต้า (1.00 ± 0.02 มคก. กส/มล.) เมื่อทดสอบด้วยวิธีการทางสถิติ เมื่อวิเคราะห์หาสารประกอบฟลาโวนอยด์รวม พบว่าให้ผลไปในทิศทางเดียวกัน คือ สารสกัดกาแฟสายพันธุ์อาราบิก้า มีปริมาณสารประกอบฟลาโวนอยด์รวมสูงที่สุด (0.43 ± 0.00 ไมโครกรัมของเควอร์ซิตินสมมูลย์ (คส) ต่อสารสกัด 1 มิลลิตร) ซึ่งไม่แตกต่างกันกับสารสกัดกากกาแฟสายพันธุ์อาราบิก้า (0.39 ± 0.00 มคก. คส/มล.)และ สารสกัดกาแฟสายพันธุ์โรบัสต้า (0.38 ± 0.00 มคก. คส/มล.) เมื่อนำสารสกัดจากกาแฟทั้ง 4 ชนิดไปทดสอบหาปริมาณคาเฟอีน พบว่าสารสกัดกาแฟสายพันธุ์โรบัสต้ามีปริมาณคาเฟอีนสูงที่สุด (0.73 ± 0.01ร้อยละโดยน้ำหนักต่อน้ำหนัก) ต่อมาเมื่อนำไปทดสอบฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระดีพีพีเอช และเอบีทีเอส กลับพบว่าสารสกัดกาแฟสายพันธุ์โรบัสต้ามีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระสูงที่สุด ในทั้งสองอนุมูลอิสระ จากผลการทดลองพบว่า กากกาแฟอาราบิก้ามีปริมาณสารประกอบฟีนอลิกรวมและฟลาโวนอยด์รวมไม่แตกต่างจากเมล็ดกาแฟที่ยังไม่ผ่าน การชง และสารสกัดจากกาแฟสายพันธุ์โรบัสต้ามีฤทธิ์ในการต่อต้านอนุมูลอิสระที่สูงที่สุด ซึ่งแสดงถึงศักยภาพในการนำไปพัฒนาต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางเพื่อต่อต้านอนุมูลอิสระและชะลอวัยต่อไป โดยควรมีการศึกษาในด้านการตั้งตำรับ ประเมินความคงตัวของตำรับ และทดสอบประสิทธิภาพในอาสาสมัครต่อไปen_US
dc.language.isothen_US
dc.publisherมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง. ศูนย์บรรณสารและสื่อการศึกษาen_US
dc.subjectกาแฟen_US
dc.subjectกากกาแฟen_US
dc.subjectอาราบิก้าen_US
dc.subjectโรบัสต้าen_US
dc.subjectฟีนอลิกen_US
dc.subjectฟลาโวนอยด์en_US
dc.subjectฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระen_US
dc.subjectคาเฟอีนen_US
dc.titleการศึกษาสารสำคัญและฤทธิ์ต้านออกซิเดชันของสารสกัดกาแฟen_US
dc.title.alternativeStudy of active substances and antioxidant activities of coffee extractsen_US
dc.typeThesisen_US
dc.contributor.advisorนภัตสร ดิษฐาวุฒิกุลen_US
Appears in Collections:การค้นคว้าอิสระ (Independent Study)

Files in This Item:
File Description SizeFormat 
139773-Fulltext.pdfFulltext4.58 MBAdobe PDFView/Open
139773-Abstract.pdfAbstract1.78 MBAdobe PDFView/Open


Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.