Please use this identifier to cite or link to this item:
http://mfuir.mfu.ac.th:80/xmlui/handle/123456789/995
Full metadata record
DC Field | Value | Language |
---|---|---|
dc.contributor.author | มุทิตา สารพัฒน์ | en_US |
dc.date.accessioned | 2025-07-25T08:44:15Z | - |
dc.date.available | 2025-07-25T08:44:15Z | - |
dc.date.issued | 2025-07-25 | - |
dc.identifier.citation | วารสารนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง. ปีที่ 8, ฉบับที่ 2 (กรกฎาคม - ธันวาคม 2568) : หน้า 18-49 | en_US |
dc.identifier.issn | 2774-020X | - |
dc.identifier.uri | http://mfuir.mfu.ac.th:80/xmlui/handle/123456789/995 | - |
dc.description | บทความ (Article) | en_US |
dc.description.abstract | ปัจจุบันทุกภาคส่วนต่างตระหนักถึงความสำคัญของการควบคุมจำนวนประชากรสุนัขจรและแมวจร โดยมีการรณรงค์ให้มีการทำหมันอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงการสร้างความตระหนักรู้ถึงการเลี้ยงสัตว์อย่างมีความรับผิดชอบเพื่อป้องกันการทอดทิ้งสัตว์เลี้ยงที่เป็นสาเหตุหลักของการเกิดสุนัขจรและแมวจรในชุมชนอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งจำนวนสุนัขจรและแมวจรที่เพิ่มขึ้นยังมีส่วนสำคัญที่ทำให้อัตราการแพร่โรคพิษสุนัขบ้าสู่คนเพิ่มสูงขึ้น จากรายงานสถานการณ์โรคพิษสุนัขบ้า (ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2567) พบผลบวกต่อโรคพิษสุนัขบ้าในสัตว์ที่มีการส่งตรวจในปี พ.ศ. 2567 จากสุนัข 229 ตัว และแมว 8 ตัว ในขณะที่พบผู้เสียชีวิตจากโรคพิษสุนัขบ้าที่ถูกกัดในประเทศถึง 4 ราย ทั้งที่สามารถป้องกันการเสียชีวิตจากโรคดังกล่าวได้ แต่สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้จริงก็โดยอาศัยความร่วมมือในการป้องกันโรคทั้งในคนและในสัตว์ ซึ่งการป้องกันโรคในสัตว์ที่สำคัญเร่งด่วน คือการใช้กลไกการให้วัคซีนให้ครอบคลุมเกินกว่าร้อยละ 80 แก่สัตว์เลี้ยง ซึ่งเป็นกลไกที่จะเกิดขึ้นได้ภายหลังจากการสามารถการควบคุมจำนวนสัตว์เลี้ยงและการติดตามและควบคุมการเคลื่อนย้ายสัตว์เลี้ยงได้นั่นเอง บทความนี้ได้วิเคราะห์รูปแบบการควบคุมการเลี้ยงสัตว์เลี้ยงในประเทศไทยเทียบเคียงกับประเทศสิงคโปร์โดยเห็นว่า การออกกฎโดยใช้กลไกระดับท้องถิ่นมีความเหมาะสมมากกว่า เนื่องจากสามารถปรับเปลี่ยนมาตรการให้เหมาะสมกับบริบทของสังคมในแต่ละพื้นที่ได้ และการใช้ระบบจดทะเบียนที่มุ่งเน้นการทราบข้อมูลจำนวนสัตว์เลี้ยงในครัวเรือนควรใช้เฉพาะในระยะแรกเท่านั้น และควรนำเอาระบบอนุญาตให้เลี้ยงสัตว์เลี้ยงมาพิจารณาปรับใช้เพื่อให้สามารถตรวจสอบคุณสมบัติของผู้จะเลี้ยงสัตว์เลี้ยงได้ตลอดกระบวนการเลี้ยงสัตว์เลี้ยง เพื่อป้องกันการทอดทิ้งสัตว์เลี้ยงในระยะยาว นอกจากนี้ ผู้เขียนได้นำเสนอเรื่องรูปแบบการจดทะเบียนสุนัขจรและแมวจรในนามของชุมชนเพื่อเป็นหลักฐานสะท้อนที่มาของสุนัขจรและแมวจรเหล่านั้น ซึ่งแนวทางนี้จะช่วยเอื้ออำนวยให้การควบคุมจำนวนสุนัขและแมวในภาพรวมของประเทศเป็นไปโดยรอบด้าน อีกทั้งการเสนอให้มีการจดทะเบียนสุนัขจรและแมวจรในนามของชุมชนจะช่วยป้องกันการหลงลืมและผลักภาระให้แก่บุคคลใดบุคคลหนึ่ง และกระตุ้นให้สังคมเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดการจำนวนประชากรสุนัขจรและแมวจรในชุมชนอย่างยั่งยืน รวมทั้งจะทราบจำนวนสุนัขจรและแมวจรที่แท้จริงเพื่อประโยชน์ในการบริหารจัดการทรัพยากรและการป้องกันทางสาธารณสุขของหน่วยงานในท้องถิ่นต่อไป | en_US |
dc.language.iso | th | en_US |
dc.publisher | สํานักวิชานิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง | en_US |
dc.subject | การจดทะเบียน | en_US |
dc.subject | สุนัขจร | en_US |
dc.subject | แมวจร | en_US |
dc.subject | สัตว์จรในชุมชน | en_US |
dc.title | ข้อเสนอการจดทะเบียนสุนัขจรและแมวจรในชุมชนศึกษาเปรียบเทียบมาตรการทางกฎหมายของสิงคโปร์และไทย | en_US |
dc.type | Article | en_US |
Appears in Collections: | บทความ (Article) |
Files in This Item:
File | Description | Size | Format | |
---|---|---|---|---|
2025-v08-no2-p.18-49.pdf | บทความ (Article) | 1.08 MB | Adobe PDF | View/Open |
Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.