Please use this identifier to cite or link to this item: http://mfuir.mfu.ac.th:80/xmlui/handle/123456789/731
Title: ปัญหาการเรียกพยานหลักฐานเข้าสืบของศาลจากคำแถลงของจำเลยในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง
Other Titles: Problem of calling evidence from accused's statement by court at the preliminary examination
Authors: ยุทธศาสตร์ อุดติ๊บ
metadata.dc.contributor.advisor: ยศพนธ์ นิติรุจิโรจน์
Keywords: ไต่สวนมูลฟ้อง;การเรียกพยาน;การคุ้มครองสิทธิจำเลย;ระบบไต่สวน
Issue Date: 2567
Publisher: มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง. ศูนย์บรรณสารและสื่อการศึกษา
Abstract: ตามระบบการดำเนินคดีอาญาของประเทศไทยในปัจจุบัน การฟ้องคดีอาญาสามารถทำได้ง่าย และบางกรณีก็อาจเกินความจำเป็น หรือไม่มีมูลเป็นความผิดอาญา เนื่องจากกฎหมายเปิดโอกาสให้ราษฎรหรือผู้เสียหาย สามารถฟ้องคดีได้เองอย่างเป็นเอกเทศ ไม่ต้องผ่านกระบวนการสอบสวน ก่อน ซึ่งสะดวกและง่ายต่อการนำคดีอาญาเข้าสู่กระบวนพิจารณาคดีของศาล การที่ฟ้องคดีอาญาสามารถทำได้ง่าย ซึ่งบางครั้งอาจมีการบิดเบือนข้อเท็จจริง นำกรณีผิดสัญญาทางแพ่งมาฟ้อง เป็นคดีอาญามุ่งหวังผลอย่างอื่นยิ่งกว่าประโยชน์ที่พึงได้โดยชอบ หากระบบการดำเนินคดีอาญาไม่มีการกลั่นกรอง หรือการไต่สวนมูลฟ้องที่มีประสิทธิภาพ ก็อาจเป็นช่องทางทำให้บุคคลต้องถูกฟ้องคดีอาญาโดยไม่มีมูลความผิดอาญา และทำให้มีคดีขึ้นไปสู่ศาลจำนวนมาก และอาจทำให้บุคคล ผู้บริสุทธิ์ต้องถูกฟ้องและตกเป็นจำเลยได้โดยไม่จำเป็น และเมื่อศาลมีคำสั่งประทับรับฟ้อง คดีย่อมส่งผลกระทบต่อตัวจำเลยโดยตรงอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ไม่ว่าจะเป็นการกระทบต่อสถานภาพแห่งสิทธิและเสรีภาพในเนื้อตัวร่างกายของจำเลย ซึ่งอาจต้องถูกคุมขังระหว่างพิจารณา หรือต้องสูญเสียทรัพย์สิน เพื่อหาเงินมาประกันตนเองเพื่อต่อสู้คดีในชั้นพิจารณา ดังนั้น การไต่สวนมูลฟ้อง จึงถือเป็นกระบวนการที่ศาลจะสามารถใช้ตรวจสอบพยานหลักฐานของโจทก์ในเบื้องต้นว่า มีมูลเหตุเพียงพอที่จะเชื่อได้หรือไม่ว่า ผู้ต้องหาหรือจำเลยเป็นผู้กระทำความผิดตามที่โจทก์กล่าวหามาในคำฟ้องหรือไม่ เป็นกระบวนการป้องกันการกลั่นแกล้งนำคดีที่ไม่มีมูล หรือขาดพยานหลักฐานสนับสนุนมาฟ้องต่อศาล ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 165/2 ถือเป็นกลไกสำคัญและเป็นช่องทางที่ผู้ต้องหาหรือจำเลยจะสามารถเสนอพยานหลักฐานของตนให้ศาลเรียกมาประกอบการวินิจฉัยสั่งคดีได้ในชั้นไต่สวนมูลฟ้องและเป็นการผ่อนคลายข้อจำกัดสิทธิ ในการห้ามผู้ต้องหาหรือจำเลยนำพยานเข้าสืบ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 165 วรรคสาม กล่าวคือ ทำให้ผู้ต้องหาหรือจำเลยมีโอกาสที่จะนำเสนอข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมาย รวมถึงพยานหลักฐานไม่ว่าจะเป็นบุคคล เอกสาร หรือวัตถุ แล้วแต่กรณี ที่มองว่าเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีของจำเลย โดยการแถลงให้ศาลทราบและเรียกพยานมาไต่สวน หรือซักถามได้ในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง ถือเป็นการพยายามสร้างสมดุล ทางกฎหมายขึ้นระหว่างการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมและการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ ของประชาชนผู้ต้องถูกฟ้องคดีอาญา ให้ดำเนินไปได้ในทางที่จะไม่ก่อให้เกิดความเหลื่อมล้ำกันจนเกินไป แต่อย่างไรก็ตาม การที่ศาลจะเรียกพยานตามที่จำเลยแถลงมาประกอบการวินิจฉัยสั่งคดี ในชั้นไต่สวนมูลฟ้องหรือไม่นั้น ไม่ได้เป็นบทบังคับศาลที่จะต้องเรียกตามที่จำเลยแถลง หากแต่กำหนดให้เป็นดุลพินิจของศาลจะเรียกพยาน เมื่อศาลเห็นว่าจำเป็นและสมควรเท่านั้น ซึ่งคำว่า “ตามจำเป็นและสมควร” เป็นการเปิดโอกาสให้ศาลใช้ดุลพินิจได้อย่างกว้างขวาง ซึ่งการใช้ดุลพินิจของศาลในกรณีดังกล่าว ยังมีข้อจำกัดในทางปฏิบัติอยู่บางประการ ที่เป็นอุปสรรคต่อการบังคับใช้กฎหมาย นอกจากนี้ หากปรากฏว่าศาลปฏิเสธไม่เรียกพยานตามคำแถลง ผู้ต้องหาหรือจำเลยก็ไม่อาจใช้สิทธิอุทธรณ์ฎีกาได้ เนื่องจากติดข้อจำกัดทางกฎหมาย ดังนั้น โดยสภาพของกฎหมายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 165/2 จึงไม่เป็นบทบังคับหรือผูกพันศาลให้ต้องเรียกพยานตามคำแถลงของจำเลยเสมอไปและการใช้ดุลพินิจในการเรียกพยานของศาลยังคง มีข้อจำกัด จากปัญหาและข้อจำกัดของกฎหมายดังกล่าว ผู้เขียนจึงมีข้อเสนอแนะว่า ควรมีการยกระดับมาตรฐานและความเข้มข้นของการไต่สวนมูลฟ้อง เพิ่มการมีส่วนร่วมของจำเลยมากยิ่งขึ้น สนับสนุนให้นำหลักการฟังความสองฝ่ายอันเป็นหลักที่จะก่อให้เกิดสิทธิในการต่อสู้คดีมาเป็นแนวทางหลักสำหรับการปรับปรุงแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 165/2 โดย การเปิดโอกาสให้จำเลยมีสิทธินำพยานหลักฐานเข้าสืบเพื่อหักล้างพยานโจทก์ได้เองในชั้นไต่สวนมูลฟ้องแทนการผลักภาระให้เป็นหน้าที่ของศาลในการที่จะต้องใช้ดุลพินิจเรียกพยานมาประกอบ การวินิจฉัยสั่งคดีเองอย่างเดียว อันจะทำให้ศาลมีโอกาสได้รับทราบข้อมูลอย่างรอบด้านก่อน การวินิจฉัยสั่งคดีมากยิ่งขึ้น เพิ่มประสิทธิภาพการกลั่นกรองคดีก่อนเข้าสู่กระบวนพิจารณา ลดความเหลื่อมล้ำสำหรับการบังคับใช้กฎหมาย ทั้งยังป้องกันการนำคดีอาญาอันปราศจากมูลความจริงมาใช้เป็นเครื่องมือเพื่อฟ้องร้องกลั่นแกล้งให้บุคคลใดต้องตกเป็นจำเลยในคดีอาญาโดยไม่จำเป็น
Description: การค้นคว้าอิสระ (น.ม.) -- สาขาวิชานิติศาสตร์, สำนักวิชานิติศาสตร์. มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง, 2567
URI: http://mfuir.mfu.ac.th:80/xmlui/handle/123456789/731
Appears in Collections:การค้นคว้าอิสระ (Independent Study)

Files in This Item:
File Description SizeFormat 
139775-Fulltext.pdfFulltext3.72 MBAdobe PDFView/Open
139775-Abstract.pdfAbstract1.75 MBAdobe PDFView/Open


Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.